3/28/2554

เหตุผลที่ต้องกิน เอนไซม์เสริม

วันนี้เรามาดูเหตุผลดีๆที่ต้องกิน เอนไซม์เสริม กันครับ

มีคนบอกว่า " จงทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่าย " ( Make it Simple )
 

นักปรัชญาท่านหนึ่งกล่าวว่า มุมมองที่สำคัญของชีวิตคือ จงมองทุกสิ่งที่ยากให้เป็นเรื่องง่าย และกฎข้อแรกคือ “ถ้าจำเป็นแต่ไม่มี ก็หามา ถ้าไม่พอ ก็เอามาเสริม”ฟังดูธรรมดาดี ท่านจะนำไปใช้ในชีวิตจริงก็ไม่ผิดระเบียบอะไร

เอนไซม์เสริม (Enzyme Supplement)
ปู่ ย่า ตา ยาย มีอายุยืนยาวอยู่กันมาได้ไม่ต้องกินอาหารเสริมหรือกินเอนไซม์เสริม ถือว่าโชคดี เพราะเกิดมาในขณะที่สิ่งแวดล้อมสะอาด อาหารสด ไม่มีการใช้ยาฆ่าแมลง ไม่มีการเติมสารเคมีให้พืชผัก ถ้าเราไปอ่านรายงานสถิติชีพของกระทรวงสาธารณสุข ย้อนหลังกลับไป จะพบว่าโรคหัวใจ เบาหวาน ข้ออักเสบ และมะเร็งในสมัยนั้น แทบจะไม่มีให้เห็น ซึ่งคำว่ามะเร็งในสมัยนั้น จะเป็นคำที่แปลกประหลาดไม่เคยได้ยินมาก่อน


อาหารในปัจจุบันมีคุณภาพต่ำกว่าเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
การปฏิวัติอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม ทำให้มีการใช้ปุ๋ยเคมีมากและใช้ยาฆ่าแมลงอย่างหนัก ทำให้พื้นที่เพาะปลูก (Soil Quality) เสื่อมโทรม เป็นผลให้พืชผัก มีสารอาหารที่ไม่บริบูรณ์เหมือนแต่ก่อน การเก็บพืชผักผลไม้ก่อนกำหนด ทำให้ลดคุณค่าของอาหารลงไปอีก รวมทั้งรสชาติของผลไม้จะผิดไป การเลือกพืชเพื่อเพาะปลูกไว้จำหน่ายก็เลือกแต่พืชที่มีพันธุ์ทนแมลง ทนกับการขนส่งระยะไกล มากกว่าจะเลือกพืชเพื่อให้คนบริโภคได้คุณค่าทางอาหาร


ในระยะแรก วิตามิน และเกลือแร่ เพียง 2 อย่างที่มีการมุ่งให้เป็นอาหารเสริม ใน ค.ศ. 1930 (พ.ศ.2473), 

Dr.Wolfe ชาวเยอรมันได้ค้นพบประโยชน์และวิธีการใช้เอนไซม์ที่มาจากสัตว์ (Animal Enzyme) และในเวลาไล่เลี่ยกัน Dr. Howell ชาวอเมริกันได้ศึกษาประโยชน์ของเอนไซม์จากพืช ผลการศึกษาและวิจัยของท่านทั้งสอง ปูทางไปสู่การใช้เอนไซม์มาเป็นอาหารเสริมในปัจจุบัน (EnzymeSupplement)
การวิจัยในปี ค.ศ.1940 (พ.ศ.2483) ได้พิสูจน์ว่า ดี เอน เอ (DNA) ในเซลล์ของร่างกายเป็นผู้ควบคุมการผลิตเอนไซม์ หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งคือ เรามีชีวิตอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเอนไซม์ และถ้าเราแก่ตัวลงมาเมตาบอลิค เอนไซม์ก็จะผลิตได้น้อย เต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ แท้ที่จริงเกิดจากพื้นฐานของการขาดเอนไซม์ (Low Enzyme Level)

วิชาเอนไซม์ (Enzymology) เป็นวิชาใหม่เอี่ยมเกิดขึ้นประมาณ พ.ศ.2528 และการใช้เอนไซม์เสริม (Enzyme Supplement) เริ่มเป็นที่ยอมรับว่ามีประโยชน์ต่อสุขภาพก็ราว พ.ศ.2538 นี้เอง

เหตุผลสำคัญที่จำเป็นต้องกินเอนไซม์เสริม
คือ ร่างกายผลิตเอนไซม์ได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น
 

การทดลองที่โรงพยาบาลไมเคิลรีส (Michael Reese) สหรัฐอเมริกา ที่แสดงให้เห็นว่าเอนไซม์ (อไมเลส) ในน้ำลายของคนเราเมื่อวัยหนุ่มสาว (21-31 ปี) มีมากกว่าคนชรา (61-100 ปี) ถึง 30 เท่า ไม่มีปัญหาการย่อยอาหาร แต่เมื่อแก่ตัวลงกลับกินไม่ได้ เพราะเอนไซม์ย่อยอาหารเจือจางลง ทำให้อาการผิดปกติต่างๆ เพิ่มมากขึ้น
 

การศึกษาของบาร์โตส และโกรช (Bartosและ Groh)โดยใช้ยากระตุ้นน้ำย่อยจากตับอ่อนแล้วมาวัดหาจำนวนเอนไซม์ (อไมเลส)พบว่า คนแก่จะมีเอนไซม์ออกมาน้อยกว่าคนหนุ่มสาวมาก เมตาบอลิคเอนไซม์ในเซลล์ต่างๆ ก็จะพลอยลดต่ำลงตาม ความชราก็จะปรากฎโฉมให้เห็นเร็วขึ้นเท่านั้น
ตับอ่อนของมนุษย์มี น้ำหนักเพียง 3 ออนซ์ แต่ต้องทำงานหนักตลอดชีวิต มีผู้เปรียบเทียบไว้ว่า ตับอ่อนที่ผลิตเอนไซม์ก็เหมือนกับแม่พิมพ์ (Mold) ที่ใช้ปั๊มวัตถุดิบให้เป็นสินค้ารูปร่างต่างๆ เช่น ถ้วยแก้ว แม่พิมพ์ในอุตสาหกรรมก็มีอายุการใช้งาน ใช้นานๆ การปั๊ม จะลด จนต้องเลิกใช้งาน ตับอ่อนก็เช่นกัน ถ้าต้องปั๊มเอนไซม์ออกมามากๆ ก็ต้องหมดอายุเช่นกัน เราจึงควรจะให้ตับอ่อนของเราหมดอายุช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อประโยชน์ของสุขภาพตนเอง (The mold is good for number of copies before it has to be replaced)

การหุงต้ม การเตรียมอาหาร และการเก็บอาหารเป็นต้นเหตุที่ทำลายเอนไซม์ที่มีอยู่ในอาหารทำ ให้อาหารที่กินไม่มีเอนไซม์ จำเป็นต้องใช้เอนไซม์ย่อยอาหารที่ร่างกายต้องผลิตออกมาเองจำนวนมาก ทำให้สิ้นเปลือง นอกจากนี้จำนวนเอนไซม์ที่ควรจะมีในอาหารตามธรรมชาติ ก็ต่ำกว่าที่ควรจะเป็น เนื่องจากในดินไม่มีแร่ธาตุเหมือนในอดีต  การใช้รังสีเพื่อถนอมอาหาร  การใส่สารกันเสีย การบรรจุกระป๋อง การใช้แก๊สบ่มผลไม้ ฯลฯ ล้วนทำให้เอนไซม์ในอาหารถูกทำลาย จำเป็นต้องกินอาหารเสริมและเอนไซม์เสริมเพื่อชดเชย และช่วยไม่ให้ร่างกายต้องผลิตเอนไซม์เพิ่มออกมา

ทารกกินนมแม่ ได้เอนไซม์จากอาหาร (นมแม่)สมบูรณ์
นมผง นมสดที่ใช้ความร้อนทำลายเชื้อโรค นมข้นหวาน ล้วนเป็นอาหาร (ของเด็กทารก) ที่ไม่มีเอนไซม์เหลืออยู่ เป็นต้นเหตุให้มีอาหารที่ย่อยไม่หมดไปหมักหมนในลำไส้ใหญ่ เกิดสารพิษซึมเข้าสู่กระแสโลหิต ทำให้เด็กเจ็บป่วยง่าย มีการเก็บข้อมูลพบว่าเด็กที่กินนมขวด มีอันตรายสูงกว่าเด็กที่กินนมแม่ถึง 56 เท่า


Dr.Andre Hakanson จากมหาวิทยาลัยลุนด์ สวีเดน ค้นพบว่า ถ้าเขาเติมนมแม่ลงไปในเซลล์มะเร็งที่เพาะเลี้ยงไว้ที่เจริญงอกงามอยู่จะตาย หมด  เซลล์ดีๆ จะไม่ถูกทำลายเลย  และพบว่าการกินอาหารสดนี้เป็นประโยชน์เพราะมีเอนไซม์ ถ้ากินอาหารสดไม่ได้หรือไม่พอก็ควรกินเอนไซม์เสริมเข้าไปช่วย
มีตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์อยู่ในอาหารตามธรรมชาติ เป็นจำนวนมาก (Natural Enzyme Inhibitor)
อาหารที่มนุษย์กินทุกชนิดจะมีตัวห้าม ทั้งนี้เพื่อประโยชน์ของพืชและสัตว์ที่จะควบคุมและป้องกันไม่ให้เอนไซม์ย่อย และทำร้ายตัวมันเอง หรือเกิดจากสภาพสิ่งแวดล้อมบางอย่างเปลี่ยนแปลงไป หรือได้พาเอนไซม์ไปส่งถึงจุดมุ่งหมาย เมื่อเอนไซม์ขาดตัวควบคุมหรือขาดตัวห้าม เอนไซม์ก็จะเริ่มทำงานตามหน้าที่และบทบาทของมันอย่างสบาย


อาหารประเภทถั่วชนิด ต่างๆ เมล็ดพืช ยอดผักหรือผลไม้ที่ยังอ่อน จะเป็นกลุ่มที่มีตัวห้ามการทำงานของเอนไซม์อยู่มาก ดังนั้นการกินถั่วดิบๆ จึงทำให้เกิดอันตราย เพราะได้รับตัวห้ามเข้าไปมาก จนยับยั้งการทำงานหรืออาจทำลายเอนไซม์ของร่างกายได้อีกด้วย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น